วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

CCNAX Passed

 
ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้อัพเดทบล๊อกเลย 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาเขียนอธิบายข้อสอบให้ดูว่า วิธีการคิดเป็นแบบไหน
 
พอดีมีข้อผิดพลาดทางด้านอายุของใบสอบเซอร์ฟรี เลยต้องไปเตรียตัวสอบแบบเร่งด่วน ผลก็ตามภาพด้านล่างเลยครับ 
 

ถามว่าข้อสอบยากไหม มันก็ไม่ยากน่ะครับ (อาจจะเป็นเพราะภาษาผมดีนิดนึง) แต่คำถามคำตอบมันพลิกครับ แต่ถ้าเราคิดว่ารู้คำตอบให้หาเลยครับ ไม่ต้องไปอ่านตัวเลือกที่เหลือจะสับสนตัวเองเปล่าๆ

ถามว่าข้อสอบตรงกับ dump ไหม ถ้าประเภทจำตาม dump เอาไปสอบ ตกครับ ยืนยันได้ จากวันที่เค้าไปสอบพร้อมผมก็ตกไปคนนึง ข้อสอบผมไม่มีใน dump ประมาณ 5 ข้อครับ จาก 51 ข้อ ซึ่ง 10% น่ะครับ โชคดีที่ตอนไปอบรม อ. เค้าสะกิดใจ เลยพูดให้ฟังเรื่อง etherchannel กับ syslog เลยพอเดาคำตอบได้

ถามว่า LAB ยากไหม มันเหมือนกับที่อยู่ใน 9tut เลยครับ แต่ว่ามันจะถามสลับไปมา แต่ว่า concept เดียวกันเลย ใช้เวลาอ่านนิดนึง ทำความเข้าใจ อย่าเปรี้ยวคิดว่าจะเหมือนกับ 9tut 100% แล้วหลับหูหลับตาทำไป ตกกันได้ง่ายๆน่ะครับ

เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมค่อยๆมา อธิบายข้อสอบให้ฟังวันหน้าน่ะครับ ช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นปี จะพยายามเขียนให้ได้มากที่สุด เพราะปีหน้าคงไปโฟกัสที่ ITIL V3 แทนแล้ว :)

ภัทร์

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

CCNAX Exam scope

ก่อนทีเราจะเริ่มต้นเตรียมตัว เราควรจะรู้ก่อนว่า มันมีหัวข้ออะไรบ้างทีเราจะต้องเจอในการสอบ CCNAX โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์นี้ http://www.cisco.com/web/learning/exams/list/ccna_composite2.html#~Topics

รายละเอียดคร่าวๆคือ ข้อสอบประมาณ 50-60 ข้อ ใช้เวลา 90 นาทีแต่เนื่องจากเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป้นภาษาแรก เราเลยได้เพิ่ม 30 นาทีเป็น 2 ชั่วโมงในการทำข้อสอบ

โดยแนวข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 8 หัวข้อตามรายละเอียดด้านล่าง

1. Operation of IP Data Networks ประมาณ 5%
 
2. LAN Switching Technologies ประมาณ 20%

3. IP addressing (IPv4/IPv6) ประมาณ 5%

4. IP Routing Technologies ประมาณ 20%

5. IP Services ประมาณ 10%

6. Network Device Security ประมาณ 10%

7. Troubleshooting ประมาณ 20%

8. WAN Technologies ประมาณ 10%

(รายละเอียดแต่ละหัวข้อคลิกตามลิงค์เข้าไปอ่านเองละกันน่ะครับ พอดีจะเขียนเกี่ยวกับทำข้อสอบ)

รวมเป็น 100% พอดี แต่คะแนนจะออกมาเต็ม 1000 โดยที่เราต้องทำได้ 825 ถึงจะผ่าน

ต่อมาเป็นส่วนของประาภทข้อสอบ สามารถแบ่งได้เป็น 7 แบบ

1. ตัวเลือกแบบคำตอบถูกข้อเดียว
 
2. ตัวเลือกแบบถูกหลายข้อ สังเกตุได้ว่า (Choose three) คือ จำนวนคำตอบที่ต้องการ

3. คือแบบลากและวาง โดยเลือกจากตัวเลือกทางซ้ายมือไปวางทางขวามือ บางครั้งมันมีตัวเลือกให้วางมากกว่าจำนวนคำตอบน่ะครับ ไม่ต้องพยายามเลือกทั้งหมด

 
 
4. แบบเติมคำในช่องว่าง

5. อันนี้คือ Lab simuation ซึงเราต้องทำการ setup config เพื่อให้ระบบ network ทำงานได้ตามที่โจทย์ต้องการ

 
6. Testlet ซึ่งจะมีให้รายละเอียดของการ config กับเรามา แล้วให้เราใช้ config นี้ในการตอบคำถาม
 
7. จะเหมือนเอาแบบที่ 5 กับ 6 มารวมกัน โดยจะมี network มาให้เรา เข้าไปทำการเช็ค config เพื่อเอามาตอบคำถาม 

 
Blog ถัดไปจะเอาข้อสอบมาลองทำกัน โดยส่วนมากผมโหลดมาจาก http://www.examcollection.com/ กับ http://www.9tut.com/ ซึ่งบางทีมันไม่เหตุผลให้ว่าทำไม ข้อนี้ถึงถูก ข้อนี้ถึงผิด ทำไมถึงเลือกข้อนี้แทนที่จะเป็นข้อนี้ ซึ่งผมจะเอาตรงนี้มาอธิบายให้
 
เพราะมันคงดีกว่าการนั่งท่องจำ ซึ่งเราทำมาตั้งแต่เข้าอนุบาล แล้วไปสอบแบบไม่มีความรู้อะไรติดหัวไปเลย ซึ่งมันทำให้มูลค่าของ Cert ที่ได้น้อยลงไป แถมบางทีอาจจะไปเป๊กตอนสอบสัมภาษณ์อีก
 
การเตรียมตัวอีกอย่างนึง ลองไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูครับ CCNA Routing and Switching Study Guide: Exams 100-101, 200-101, and 200-120 by Todd Lammle ไม่ว่าจะสอบหรือไม่แต่หนังสือเล่มนี้เขียนไว้ดีมาก อธิบายชัดเจน แยกเป็นบทๆค่อยๆให้ความรู้เรา อ่านเพลินๆวันละ บท 2 อาทิตย์ก็จบแล้วครับ :-)
 
ปล. ผมมีเวลาเตรียมตัวจากวันนี้ไปอีกประมาณ 3 เดือนก่อนที่ใบสอบฟรีจะหมดอายุลง ซึ่งไม่ได้ซีเรียสว่าต้องผ่านหรือไม่ เลยเอาเป็นว่ามาทดลองทำข้อสอบไปด้วยกันละกัน :D
 
ภัทร์


วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Back on game

ความตั้งใจแรกของการเขียน blog นี้ก็คือ อยากจะเอาความรู้ที่ได้จากการไปเรียน MCSA และกำลังจะเตรียมตัวสอบเอามาแชร์ให้กับคนที่กำลังจะเตรียมตัวเหมือนๆกัน แต่พอดีหลังจากภรรยาคลอดลูกตอนสิ้นปีที่แล้ว เลี้ยงลูกเพลินเลย ทิ้งทุกอย่างแล้วไปโฟกัสที่ลูกแทน :)

กลางปีนี้ได้คุยกับบอสที่สิงคโปร เค้าอยากจะส่งไปเราไปเทรนเพราะว่าเค้าอยากให้ไอทีทุกคนในทีม ได้หาความรู้อะไรใหม่ๆ เข้าตัว (คือ IT VP คนนี้ดูแลทั้งเอเชีย ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น) คุยไปคุยมาทีแรกจะไปเรียน ITIL Foundation V3 เพราะไอทีที่อินเดียมันไปเรียนแล้วมันดันเขียนเมล์หาทุกคนว่าเป็นคอร์สที่ดีมาก ทุกคนน่าจะได้ไปเรียนน่ะ แถมมันเรียนน้อยสุดละ 3 วันเอง

พอกำลังจะเดินเรื่องจองที่นั่งเท่านั้นแหละ HR ที่ทำงานดันบอกว่า "ถ้าเรียนตัวนี้ชั่วโมงเทรนพี่จะขาดไปอีก 9 ชั่วโมงน่ะคะ" พอดี HR ดันมี KPI ที่ต้องทำเกี่ยวกับการอบรมพนักงานให้ได้ 30 ชั่วโมงต่อคนต่อปี เรามันไม่ได้ออกไปไหนมาไหน เพราะขี้เกียจ ชั่วโมงเทรนเลยไม่มีเก็บ T_T

กลับไปคุยกับบอสอีกทีว่าเอาไงดี จะให้ไปเรียนตัวอื่นก็ไม่ค่อยชอบละ เพราะส่วนมากโหลด CBT Nugget มาดูตลอดอยู่แล้ว เวลาที่อยู่บ้านว่างๆ คุยไปคุยมาบอกไปว่าอยากเรียน VMs เพราะว่าก็ดูแล ESXi อยู่ แต่ยังไม่ได้จับเต็มแค่ให้สิทธิ เข้าไปดู Veeam เล็กๆน้อยๆ เค้าก็ให้ไปหาที่เรียนมา แต่ดันเกินงบไปเยอะ 5 วัน 35 ชั่วโมง (ไม่นับเบรคชั่วโมงการอบรมของผมเนี่ย) เล่นไป 52000 บาท บอสเลยบอกว่าไว้ปีหน้าละกัน เงินไม่ใช่ปัญหาถ้าวางบัดเจ็ทไว้ พอดีวางไว้ 35000 เองปีนี้

ดูไปดูมา เลยได้ไปเรียน CCNA Boot Camp 5 วันแทน แล้วพอดีมันมีแถมสอบมาหนนึง ก็เลยว่าจะไปลองหน่อยสอบได้ก็ดี สอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฟรี 555+ แต่ประเด็นคือ ที่บริษัทใช้ network equipment ของ HP แถมคอนโทรเลอร์ตั้งอยู่ที่สิงคโปร สรุปคือเรียนมาก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี แต่ก็ได้ทฤษฎีมา :D

เลยขอเปลี่ยนชื่อ Blog เป็น IT Thai Thai ละกันน่ะครับ เพราะคงไม่ได้โฟกัสที่ MCSA แล้วแต่ถ้าใครอยากถามอะไร ถามมาได้น่ะครับ ผมอาจจะพอให้คำตอบได้

ส่วนภายใน 2 อาทิตย์นี้จะเขียน Blog เกี่ยวข้อสอบของ CCNA 200-120 พร้อมเฉลยและคำอธิบายภาษาไทยว่าทำไม บางทีอาจจะแทรกทฤษฎีเข้าไปด้วยถ้าเวลาพอ

ภัทร์

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Configure server roles and features Exam Review

ที่นี้เรามาลองทำข้อสอบผ่านๆตาดูบ้าง ข้อสอบผมก็เอามาตาม Dump ต่างๆน่ะครับ ไม่ได้เอามาจากของจริง

1. Your work as an administrator at ABC.com. The ABC.com network consists of a single domain named ABC.com. All servers on the ABC.com network have Windows Server 2012 installed.
You have received instructions to install the Remote Desktop Services server role on a server, named ABC-SR07. Your want to achieve this remotely from a server, named ABC-SR06.
Which of the following actions should you take?

A. You should consider accessing the Server Manager console on ABC-SR07.
B. You should consider accessing the Server Manager console on ABC-SR06.
C. You should consider accessing the TS Manager console on ABC-SR07.
D. You should consider accessing the TS Manager console on ABC-SR06.


2. Your network contains an Active Directory domain named contoso.com. All servers run Windows Server 2012. The domain contains a server named Server1.
You install the Windows PowerShell Web Access gateway on Server1.
You need to provide administrators with the ability to manage the servers in the domain by using the Windows PowerShell Web Access gateway.
Which tow comlets should you run on Server1? (Choose two)

A. Set-WSManQuickConfig
B. Set-WSManInstance
C. Add-PswaAuthorizationRule
D. Set-BCAuthentication
E. Install-PswaWebApplication



3. Your network contains an Active Directory domain named adatum.com. The domain contains a server name Server1 that runs Windows Server 2012. On a server named Core1, you perform a Server COre installation of Windows Server 2012.You join Core1 to the adatum.com domain.
You need to ensure that you can use Event Viewer on Server1 to view the event logs on Core1.
What should you do on Core1?

A. Run the Enable-NetFirewallRule cmdlet
B. Run sconfig.exe and configure remote management
C. Run the Disable-NetFirewallRule cmdlet
D. Run sconfig.exe and configure the network setting


4. Your network contains a server named Server1 that runs Windows Server 2012. Server1 has the Print and Document Services server role installed.You connect a new print device to the network. The marketing department and the sales department will use the print device.
You need to provide users from both departments with the ability to print to the network print device. The solution must ensure that if there are multiple documents queued to print, the documents from the sales users print before the documents from the marketing users.
What should you do on Server1?

A. Add two printers. Modify the priorities of each printer and the security settings of each printer
B. Add two printers and configure printer pooling
C. Add one printer and configure printer pooling
D. Add one printer. modify the printer priority and the security setting


เอาแค่นี้ก่อนน่ะครับ เด๋วมาอัพเพิ่มอีก

ภัทร์

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Configure server roles and features part 3

Configure servers for remote management
ในการเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดถึงเรื่องการจัดการแบบรีโมทซะเป็นส่วนใหญ่ ออกสอบมั้งไม่ออกมั้ง เท่าที่ดูมา เหมือนจะไม่ค่อยมีถามถึง แต่ยังไงกัรพลาดไว้ก่อน

Configure WinRM
ก่อนอื่นเลยตัว Windows Remote Management ติดตั้งและเปิดใช้งานมาให้อยู่แล้วใน Windows Server 2012 โดยเราสามารถตวจสอบได้จาก Server Manager --> Local Server ตามรูปด้านล่าง

ถ้าเราอยู่ใน Server Core Installation environment ให้เราใช้ cmdlets ตามด้านล่างนี้

     Configure-SMRemoting.exe –Get|–Enable|-Disable
    • -Get แสดงสถานะตอนนี้
    • -Enable เปิดใช้งาน
    • -Disable ปิดใช้งาน
Configure Windows Firewall
เมื่อเราเปิดใช้งาน Windows Remote Management แล้ว เราควรที่จะสามารถสั่งรัน MCC snap-ins ผ่านทางตัว Remote Server ได้ แต่ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นน่ะครับ เพราะว่าโดยปกติตัว Windows Firewall มันจะปิดตัว Rules ต่างๆไว้ ไม่ให้มีค่า Enabled ดังนั้นเราจึงต้องไปเปิด Rules เหล่านี้ให้ใช้งานได้ก่อน
  • COM+ Network Access (DCOM-In)
  • Remote Event Log Management (NP-In)
  • Remote Event Log Management (RPC)
  • Remote Event Log Management (RPC-EPMAP)
วิธีที่จะไปเปิด Rules ทั้ง 4 ตัวให้ทำงานก็มีด้วยกันหลากหลายวิธี

  1. เปิด Windows Firewall with Advanced Security ใน Server Manager ขึ้นมาเพื่อทำการ Enable Rules ที่เกี่ยวข้อง (ต้องเป็นแบบ กุ๊ย เท่านั้นน่ะครับ)
  2. จาก Command Prompt ให้เราสั่งรัน Netsh AdvFirewall
  3. ใน PowerShell ให้เราใช้ Module NetSecurity
    • Set-NetFirewallRule –Name “ComPlusNetworkAccess-DCOM-In” –Enabled True
    • Set-NetFirewallRule –Name "RemoteEventLogSvc-In-TCP” –Enabled True
    • Set-NetFirewallRule –Name “RemoteEventLogSvc-NP-In-TCP” –Enabled True
    • Set-NetFirewallRule –Name “RemoteEventLogSvc-RPCSS-In-TCP” –Enabled True
  4. เราสามารถสร้าง GPO ที่อนุญาติให้มีการใช้งาน Rules เหล่านี้บน Remote Server แล้วก็โยงมันซะ
  5.      ให้เราเปิด หน้า Group Policy Management ใน Server Manager --> Tools ขึ้นมา แล้วสร้าง New GPO น่ะครับ จากนั้นให้เราตั้งชื่อแล้ว คลิกขวา ที่ New GPO เลือก Edit
         ให้เราเข้าไปยัง Sub ที่ Computer Configuration\Policies\Windows Settings\Security Settings\Windows Firewall with Advanced Security\Inbound Rules node แล้วกดคลิกขวา เลือก New Rule

         ที่หน้าต่าง New Inbound Rule Wizard ให้เราเลือก Predefined: แล้วที่ Drop-down list ให้เลือกเป็น COM+ Network Access แล้วกด Next ไป

         เราจะสังเกตุเห็นว่า จะมี Rules ชื่อว่า COM+ Network Access (DCOM-In) เลือกอยู่ ให้เรา กด Next และ ที่หน้าต่างต่อไปให้เลือก Allow The Connection แล้วกด Next และ OK เพื่อปิดหน้าต่าง

         ที่หน้าต่าง Group Policy Management Editor จะมี Rule เพิ่มขึ้นมาพร้อมใช้งาน

         ให้เราสร้างอีกหนึ่ง New Rule โดยคราวนี้เลือกเป็น Remote Event Log Management แล้วกด Next

         เราจะเห็นได้ว่ามันมีขึ้นมาพร้อมให้เราเลือกทั้ง 3 ตัวที่ต้องการจากนั้นกด Next ไปและ ok เพื่อปิดหน้าต่างนี้

    เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนด้านบนเราก็พร้อมที่จะโยง GPO นี้ไปยัง Remote Server ที่เราต้องการ
Configure down-level server management
คำว่า Down-level server หมายถึง Windows Server Version ก่อนหน้า 2012 เช่น 2008 หรือ 2008 R2 เราสามารถที่จะ Add Server ที่ใช้งาน Windows Server 2008 และ Windows Server 2008 R2 เข้ามายัง Server Manager ใน Windows Server 2012 แต่ว่ามันจะติด ที่ว่าไม่สามารถ Manageability ได้ ดังนั้นเราจึงต้องติดตั้งโปรแกรม 2 ตัวข้างล่างนี้ก่อน เพื่อให้สามารถ Manageability ได้

  1. .NET Framework 4.0
  2. Windows Management Framework 3.0
หลังจากติดตั้ง 2 ตัวบนเสร็จ ให้เราไปที่ตัว Remote Server เพื่อ
  1. เปิดการใช้งาน Windows Remote Management (HTTP-In) rules ใน Windows Firewall
  2. สร้าง WinRM listener โดยรัน quickconfig ใน command prompt
  3. Enable ตัว COM+ Network Access และ Remote Event Log Management rules ตามด้านบน
หลังจาด 4 ขั้นตอนด้านบน เราก็จะสามารถ Management เครื่อง Server ที่ใช้งาน Windows Server Version ก่อนหน้า Windows Server 2012 แต่ว่ามันยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำไม่ได้ เช่น เราไม่สามารถที่ใช่ Add Roles and Features Wizard กับ Server Version ก่อนหน้า Windows Server 2012 เพราะว่ามันไม่มีให้เลือกใน Server Pool ในหน้าต่าง Select Destination Server 


Configure servers for day-to-day management tasks
หลังจากที่เราเพิ่มเครื่อง Server เข้าไปยัง Server Manger แล้วเราสามารถแบ่งแยกการทำงานกับ Remote Server ได้เป็น 3 แบบคือ

  1. Contextual tasks หมายถึง การที่เราคลิกขวาไม่ว่าจะที่ Server ตัวใดใน Server Manager เราจะเห็น Shutcut menu ขึ้นมาให้เราเลือกรันคำสั่งต่างๆ
  2. Noncontextual tasks หมายถึงการใช้ Menu bar ที่อยู่ด้านบนหน้าต่างของ Server Manager ไม่ว่าจะสั้ง Add Server หรือว่า Install Roles and Features Wizards 
  3. Noncontextual tools หมายถึง Console's Tools ต่างๆที่สามารถเข้าถึง External programs ได้เช่น MMC snap-ins หรือว่า Windows PowerShell
มีไรก็ถามมาได้น่ะครับ

ภัทร์

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Configure server roles and features part 2

Configure print and document services
ออกตัวก่อนว่าในการติดตั้งและแชร์เครื่องพิมพ์ใส่ส่วนของ Guideline ของ Microsoft กับข้อสอบที่เค้าสอบมันไปกันคนละทางเลยครับ ผมจะพยายามเอาให้มันสอดคล้องกันก็ไม่ได้ เพราะหนังสือมันก็เขียนคนละทางเลยเอาเป็นว่า ผมเอาตามแนวข้อสอบที่เค้าออกละกันน่ะครับ

ก่อนอื่นเลยเรามาดูโครงสร้างพร้อมกับคำศัพท์ของเครื่องพิมพ์ (Printer) ใน Windows Server 2012 กัน
  1. Print Device ใน Windows Server 2012 จะหมายถึงตัวเครื่องพิมพ์ที่เป็น Hardware จริงๆจับต้องได้ ที่ทำการพิมพ์เอกสาร หรือทำงานเป็นเครื่องสแกนเอกสาร ซึ่งใน Windows Server 2012 รองรับเครื่องพิมพ์ 2 แบบคือแบบ Local ที่ต่อตรงเข้า Server กับแบบ Network ที่ต่อผ่านเครือข่ายหรือว่าต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น 
  2. Printer ใน Windows Server 2012 จะหมายถึง Software Interface ที่คุยระหว่าง Computer กับ Print Device. ใน Windows Server 2012 สามารถรองรับได้หลากหลาย Physical Interface เช่น Universal Serial Bus (USB), IEEE 1394 (FireWire), parallel (LPT) หรือแม้กระทั่ง Network Printing Services เช่น Internet Printing Protocol (IPP) หรือ standard TCP/IP ports
  3. Print Server ใน Windows Server 2012 จะหมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่รับ Print Job มาจากเครื่องลูกแล้วส่งต่อ Print Job นั้นไปยัง Print Device ไม่ว่าจะเป็น local หรือ network
  4. Printer Driver ใน Windows Server 2012 จะหมายถึง Device Driver ที่ทำหน้าที่เปลี่ยน Print Job ไปเป็นคำสั่ง String ของแต่ละ Print Device. ส่วนใหญ่ Printer Driver จะทำออกมาเฉพาะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ 
ที่นี้เราเอาลองมาดูว่าถ้าคอมพิวเตอร์สั่งพิมพ์งานขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้น

  1. Workstation สั่งพิมพ์งานออกไป ผ่าทาง Printer 
  2. Printer จะแปลงานที่สั่งพิมพ์ให้ไปเป็นคำสั่ง String (Printer Driver)
  3. Print Driver ส่งไปหา Printer Server (ซึ่งก็คือเครื่อง Server ที่ต่อกับเครื่องพิมพ์อยู่)
  4. Printer จะส่งต่อไปให้กับ Print Device (ซึ่งก็คือเครื่องพิมพ์ที่จับต้องได้)

Locally Attached print device เป็นการต่อเครื่องพิมพ์แบบง่ายๆ ซึ่งก็คือการนำเอาเครื่องพิมพ์มาต่อเข้าตรงๆกับเครื่อง Server ในส่วนของการติดตั้ง Print Driver คงไม่ต้องบอกน่ะครับ ใส่แผ่นเลือกให้ถูก Version แล้วก็ Setup จบแล้วครับ

ต่อมาเป็น Network-Attached printing คือแทนที่จะต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับ USB port เราก็ต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับสาย RJ-45 (Lan) แทน การต่อแบบนี้ ผู้ใช่งานจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคิวไหนที่กำลังพิมพ์อยู่หรือว่าคิวไหนกำลังจะพิมพ์ เพราะว่าผู้ใช้จะเห็นแต่งานของตนเอง และมันเป็น Workload สำหรับเครื่องพิมพ์ จาก ปสก ของผมเครื่องอาจจะเพี้ยนจนพิมพ์ไม่หยุดได้ ต้องมานั่ง Setup print + IP ใหม่

และสุดท้าย Network-Attached printer sharing อันนี้จะต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับ Network เหมือนกัน แต่ว่าในการจัดการคิวที่จะพิมพ์จะให้ Server เป็นตัวจัดการเรื่องคิวเพื่อแบ่งเบาภาระของเครื่องพิมพ์ และผู้ใช้งานสามารถเห็นลำดับคิวก่อนหลังได้ รวมทั้งถ้ายังสามารถที่จะติดตั้ง Printer spools และ Feature อื่นๆที่ใช้ในการจัดการงานพิมพ์

Configure Sharing a printer
ในการที่จะแชร์เครื่องพิมพ์ให้กับผู้ใช้งานนั้น มันขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรนั้นๆ บางทีต้องการแชร์แบบง่ายคือทุกคนสามารถเข้าถึงเหมือนกันหมด หรือแบบระบุไปเลยว่าถ้างานมาจาก Mgr ต้องพิมพ์ก่อนคนอื่น เราจะมา setting ไปด้วยกันครับ (ในตัวอย่างข้างล่างผมได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์ลงไปแล้วครับ)

      เข้าไปที่ Control Panel แล้วเลือก Devices and Printers

     ให้เราคลิกขวาที่ Printer ที่เราต้องการแชร์ จากนั้นเลือก Printer Properties

     ให้เราเลือกที่ Tab Sharing


     Check box ที่ Share This Printer, จากนั้นจะที่ช่อง Share Name จะมีขื่อขึ้นเราสามารถแก้ไขชื่อที่จะแชร์ได้ หรือไม่เลือกค่าที่ให้มาก็ได้
     อีกส่วนจะมีให้เลือก 2 ตัวคือ
    1. Render Print Jobs On Client Computers ตัวนี้จะลดภาระที่ตัว print server โดยโอนงานประมวลไปที่เครื่องลูก
    2. List In The Directory ตัวนี้จะสร้าง Object ขึ้นมาใหม่ใน AD DS เพื่อให้ User สามารถหาเครื่องพิมพ์ได้ใน AD DS แต่ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องเป็น AD DS member น่ะครับ
     ให้เราไปเลือกที่ Additional Driver เพื่อทำการ Add printer driver เพิ่มเติมสำหรับ x86 และ OS อื่นๆ
     
Configure printer pooling
เราสามารถทำให้ Print Server ที่ต่อกับ Print Device มากกว่าสองตัว Set เป็นแบบ Pool (คำว่า Pool ก็คือการแชร์ไปยังที่ว่างน่ะครับในหัวข้อนี้)
เมื่อ Pint Server ได้รับคำสั่งพิมพ์งานมา จะส่งงานไปยังเครื่องพิมพ์ที่ว่างอยู่ ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องรอคิว (แต่จาก ปสก ไม่เคยได้ใช้งานเลยครับ เพราะส่วนใหญ่จะซื้อเครื่อง Print Device มาให้แผนกใคร แผนกมัน)
     ให้เปิดหน้า Devices and Printers ขึ้นมา จากนั้น คลิกขวาที่ Printer แล้วเลือก Properties (Capture มาแปลกๆไปหน่อยโทษทีน่ะครับ)

     เลือกที่ Tab Ports

     เลือก Ports ที่ Print Devices ต่ออยู่
     จากนั้น check box ที่ Enable Printer Pooling แล้วกด OK

จากที่เกริ่นไว้ด้านบนการจะทำ Pooling ต้องมี Print Devices 2 ตัวขึ้นไปน่ะครับ และทั้ง 2 ตัวต้อง check box ที่ Enable Printer Pooling ด้วยน่ะครับ

Configure deploy printer with GPO
โดยการนำ Printer เข้าไปโยงไว้กับ GPO จะช่วยลดภาระของ Admin ที่ต้องตามไป Add ให้กับผู้ใช้ฝานทีหลัง เรามาดูขั้นตอนการทำเลยละกัน

      เปิด Server Manager แล้วเข้าไปที่ Tools --> Print Management (ถ้าเกิดว่าไม่มีตัวนี้ ให้ไป Add Print and Document Services Role ก่อนน่ะครับ)

     ที่หน้าต่าง Print Management ให้เราเลือกที่ All printers แล้วให้เรา คลิกขวาที่ Printer ที่เราต้องการจะโยงไปยัง GPO แล้วเลือก Deploy with Group Policy

     จากนั้นเรากด Browse เพื่อเลือก GPO ที่เราต้องการจะโยงกันแล้วกด OK

      ที่นี้เราจะต้องเลือกการโยงแบบไหน

    1. The users that this GPO applies to (per user) ไม่ว่าจะไปใช้เครื่องใครจะมีการโยง Printer นี้ไปให้กับผู้ใช้งาน
    2. The computers that this GPO applies to (per machine) ไม่ว่าจะมีผู้ใช้งานคนใดกับเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ จะมีการโยง Printer ให้กับเครื่องพิมพ์นี้เสมอ

     จากนั้นกด Add จะได้ตามภาพ ให้เรากด OK

     จะมี Popup แสดงว่า ทำการเพิ่มเสร็จแล้ว

     เราสามารถ Double check อีกทีนึงได้ที่หน้าต่าง Print Management โดยให้เราเลือกที่ Deployed Printers

ส่วนใหญ่คำถามที่เกี่ยวข้องกับ Printer มันจะ Make sense มากๆน่ะครับ ขอแค่เราจำ 4 types ของ Printer ตามข้างบน Entry นี้ก็เพียงพอแล้วครับ

ภัทร์

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Configure server roles and features part 1

Configure file and share access
ในหัวข้อนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการแชร์น่ะครับ ไม่ว่าแชร์ไฟล์หรือเครื่องพิมพ์

ก่อนที่เราจะแชร์ไม่ว่าจะไฟล์หรือเครื่องพิมพ์เราควรจะนึกถึง
  • จะแชร์โฟลเดอร์ไหน? 
  • จะตั้งชื่อว่าอะไร? 
  • จะให้สิทธิใครบ้างในการเข้าถึง?
  • จะต้องมีการติดตั้ง Offline Files ไว้ด้วยไหม
Create and configure shares
ในการแชร์ไฟลนั้นเราสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
  1. แบบใช้ File Sharing
  2. แบบใช้ Advanced Sharing
ใน Windows Server 2012 สามารถแชร์โฟลเดอร์ได้ 2 แบบ
  1. Server Message Blocks (SMB) คือการแชร์ที่เราใช้กันมาในทุกเวอร์ชันของ Windows
  2. Network File System (NFS) คือ การแชร์ที่เป็นมารตฐานของ Unix กับ Linux
เมื่อคุณติดตั้ง Windows Serer 2012 ตัว File and Storage Services role จะติดตั้งมาโอยอัตโนมัติ แต่ว่าถ้าเราต้องการแชร์แบบ อย่างไรก็ตามหากเราต้องการแชร์แบบ SMB เราต้องติดตั้ง File Server role และถ้าเราต้องการแชร์แบบ NFS เราต้องติดตั้ง Server for NFS role ตามรูปด้านล่างนี้

เมื่อเราติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมที่จะสร้างแชร์โฟลเดอร์

     เปิดหน้าต่าง Server Manager ขึ้นมา

     เลือกที่ File and Storage Service จากนั้นเลือก Shares

     เลือกที่ Tasks -> New Share เพื่อสร้าง แชร์ ใหม่

     จะมีหน้าต่าง New Share Wizard ขึ้นมา หร้อมกับตัวเลือกของ File Share Profile: 
    • SMB Share–Quick แชร์แบบ Basic SMB Sharing มาพร้อมกับ NTFS Permissions
    • SMB Share–Advanced แชร์แบบ NTFS Permissions และการเข้าถึงการใช้งานผ่าน  File Server Resource Manager
    • SMB Share–Applications แชร์พร้อมกับการตั้งค่าสำหรับ Hyper-V และ applications ต่างๆ
    • NFS Share–Quick แชร์แบบ NFS พร้อมกับ authentication และ permissions
    • NFS Share–Advanced เหมือนกับแบบ NFS Share–Quick แต่เพิ่ม การเข้าถึงการใช้งานผ่าน File Server Resource Manager
     จากตัวอย่างนี้ผมเลือกแบบ SMB Share–Quick จากนั้นกด Next

     จากนั้นให้เราเลือก ตัว Server และ Volume ทีเราต้องการจะแชร์ จากนั้นกด Next

     ให้เราตั้งชื่อของ แชร์ นี้และ คำอธิบาย 

     จากตัวอย่างผมใส่ Share name เป็น SF01 และ description เป็น Share Folder 01จากนั้นกด Next

     ที่หน้าต่างนี้เราจะต้องเลือกค่า Share Setting
    • Enable Access-Based Enumeration เลือกตัวนี้จะกันไม่ให้ Uer เห็น ไฟล์ที่ User ไม่มีสิทธิ
    • Allow Caching Of Share ตัวเลือกนี้จะเปิดการใช้งาน Offline mode ให้กับ User
    • Enable BranchCache On The File Share ตัวเลือกนี้จะเปิดการใช้งาน BranchCache servers เพื่อที่จะ cache ที่จะเข้าถึงแชร์นี้
    • Encrypt Data Access ตัวเลือกนี้จะ Encrypt ข้อมูลของการเข้าถึงแชร์แบบ Remote 

     หน้าต่างแสดง Permission ของ User และ Group ของแชร์ที่เราจะสร้าง โดยเราสามารถที่จะแก้ไขได้โดยกดที่ปุ่ม Customize permissions

     หลังจากที่คลิก Customize permissions ก็จะมีหน้าต่างนี้แสดงขึ้นมาเพื่อให้เราปรับปรุงสิทธิของ User ถ้าเสร็จแล้วก็กด OK และกด Next เพื่อไปยังขั้นต่อไป

     หน้าต่างนี้จะเป็นบทสรุปทุกอย่างที่เราตั้งค่าไป ถ้าทุกอย่างถูกต้องกด Create ได้เลยครับ

     ทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่มี Error ใด้ๆ กด Close ครับ

     เราจะสังเกตุได้ว่าที่หน้าต่าง SHARES จะมี Share name SP01 เพิ่มเข้ามา

     ถ้าเราเปิด Explorer ขึ้นมา เราก็จะเห็น SP01 อยู่ที่ C:/Shares/ ตามที่เราตั้งค่าไว้

     กลับไปที่หน้าต่างของ Server Manger ถ้าเราต้องการที่จะแก้ไขสิทธิเข้าใช้งานของแชร์นี้ เราสารารถที่จะคลิกขวาแล้วเลือก Properties เพื่อแก้ไขสิทธิ

     คลิกที่ Permissions เพื่อแก้ไขสิทธิ

ก่อนที่จะไปต่อลองมาทำความรู้จักกับโครงสร้างของ Windows Permission สักนิดนึง (บางทีมันออกสอบด้วยน่ะครับเรื่องนี้ ผมสรุปมาให้น่ะครับ เพราะอ่านแล้วงงมาก)

Access Control List (ACL) คือ list ของ user accounts และ group ที่อนุญาติให้มีสิทธิเข้าถึง resource, ในแต่ละ ACL จะมี Access Control Entry (ACE) ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า user หรือ group ไหนที่จะสามารถเข้าถึง resource ได้จริงๆ

การกำหนดสิทธิจะมีสองทางได้แก่ (ดูรูปด้านล่าง)
  • Deny Permissions จะเป็นตัวที่มีผลก่อนเสมอ หมายความว่าถ้า Deny Permissions ถูกเซ็ตเอาไว้ใน user หรือว่า group พวกเขาก็จะไม่มีทางเข้าถึงได้แม้ให้มี Allow Permissions อยู่ด้วยก็ตาม (Deny Permissions override Allow Permissions)
  • Allow Permissions เป็นตัวที่อนุญาติให้เข้าใช้งาน

Configure Share Permissions
ใน Windows Server 2012 ที่แชร์โฟลเดอร์จะมี permission system ของตัวมันเองอยู่ด้วย แต่ปกติมันจะแชร์ให้ Everyone มีสิทธิ Allow Full Control อยู่แล้ว แต่ถ้าในกรณีต้องการป้องกันไม่ให้คนเข้ามาผ่านทาง Network ก็ให้ไป Remove ออกซะ
     ให้เราเปิด Server Manager

     เข้าไปที่ File and Storage Services แล้วเลือก Shares

     ให้เราคลิกขวาที่ Shares เราต้องการแก้ไข Permission แล้วคลิก Properties

     หน้าต่าง Properties ของแชร์จะแสดงขึ้นมา

     ให้เราเลือกที่ Customize permissions

     จะมีหน้าต่าง Advanced Security Setting สำหรับแชร์นี้โผล่มาให้เราแก้ไข

     สำหรับตอนนี้เราจะทำการแก้ไขแบบ Share Permission ให้เราคลิกที่ Tab Share จะปรากฏรายชื่อคนที่มีสิทธิอยู่ ณ ปัจจุบัน จะเห็นว่า Everyone มี Type เป็นแบบ Allow แถม Access แบบ Full Control ถ้าจะเอาออกก็ให้เลือกที่ Everyone แล้วคลิก Remove แต่ตัวอย่างนี้เราจะเพิ่มดังนั้นให้กด Add

     หน้าต่างนี้จะประกอบไปด้วย Principal, Type และ Permissions, หากสังเกตุดีๆจะเห็นว่าทุกช่องจะเป็นสีเทาหมด คือไม่สามารถเลือกได้ เพราะว่าเราต้องทำการเลอก Principal ก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นให้เราคลิกที่ Select a principal

     จะมีหน้าต่างที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่ Windows Server 2000 ขึ้นมา (ผมไม่เคยได้จับ Windows NT เลยไม่รู้หน้าตาแบบนี้ป่าว) ให้เราพิมพ์ชื่อ User หรือว่า Group จากนั้นกด Check Names

     จากรูปนี้ผมต้องการ Add user account ที่ชื่อว่า ITsupport01 จากนั้นกด OK

     จะสังเกตุได้ว่าเราสามารถเลือก options ของ Type และ Permissions ได้แล้ว
    • Type สามารถเลือก Allow หรือ Deny
    • Permission จะเลือกได้แบบ Basic คือ Full Control, Change และ Read
     เลือกเสร็จแล้วกด OK เพื่อเพิ่มเข้าไปใน Share Permissions

     จะเห็นว่า User ชื่อ (Principal) ITsupport01 มีสิทธิ Read และ Allow
     จำได้ไหมว่าข้างบนผมพูดถึงเรื่อง Access Control List (ACL) และ Access Control Entry (ACE) สิ่งที่เราเพิ่งสร้างไปเมื่อกี้ตอนที่กด OK คือ ACE และหน้าต่างที่คุณเห็นอยู่นี้ คือ ACL พอจะเข้าใจหรือยังครับ ถ้ายังก็ Post ถามได้น่ะครับ

     หลังจากที่กด OK ก็จะย้อนกลับมาอยู่ที่หน้า Share Properties ให้เรากด OK เพื่อ เซฟและออกจากหน้านี้

Configure Offline Files
Offline File หรืออีกชื่อนึงคือ Client-Side Caching, จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องลูก (Client) สำรองเน็ตเวิร์คไฟล์ไว้ที่เครื่องลูกสำหรับการใช้งานที่ไม่ได้ต่อเข้ากับเน็ตเวิร์ค

ในการที่จะ Set Offline Files คุณจะต้องเข้าไปทำที่ GPO ตามรูปด้านล่าง โดยจะต้องไปกำหนด ตัว Configure Slow-Link mode ที่อยู่ภายใต้  Computer Configuration --> Policies --> Administrative Templates --> Network --> Offline Files ให้ดับเบิ้ลคลิก Configure Slow-Link mode และเลือก Enable ที่หน้าต่าง Options กรอบซ้ายมือให้เลื่อนลงไปข้างล่าง เพื่อคลิก Show แล้วตั้งค่าตามรูป เพื่อเปิดใช้งาน

     ให้เราเปิด Group Policy Management ขึ้นมาจาก Server Manager จากนั้นให้ Create New GPO อย่างในรูปผมตั้งชื่อว่า Offline Mode จากนั้นให้คลิกขวาที่ GPO แล้วลือก Edit

     จากนั้นให้เราเข้าไปตามที่ข้างบนเขียนไว้เพื่อเปิด Configure Slow-Link mode

     ให้เราเลือกเป็น Enable และต้งค่าของ Latency ให้เท่ากับ 1
     จกนนั้นให่เรา Link GPO นี้ไปยัง User หรือ Group ที่เราต้องการ Set Offline File mode

Configure NTFS Permissions
NTFS Permissions คือการ Setting ที่เป็นที่นิยมมากในหมู่ Admin อย่างเราๆ เพราะมันมีมากกว่า Basic หน่อย แต่ไม่ได้ต้องไป Set ถึงขั้น Advance เลย ตามข้างล่างเลยครับ

     ให้เราเปิด Properties ของ Share ที่เราต้องการจะแก้ไข Permission ถ้าจำไม่ได้ว่าเปิดไง ขึ้นไปอ่านข้างบนๆเลยครับ

     ให้เราคลิก Add เพื่อเพิ่ม User หรือ Group ้เข้ามาใน NTFS Permissions

     ไม่ว่าจะเป็น NTFS Permission หรือ Share Permission ก็เหมือนกันครับ คือเราจะไม่สามารถเลือก Option อื่นๆได้ จนกว่าเราจะเลือก Principal ก่อนเป็นอันดับแรก ให้คลิกที่ Select a principal

     ให้เราเลือก User หรือ Group ที่เราจะเพิ่มเข้ามา จากนั้นกด Check Names

     ในตัวอย่างนี้ผมใส่ ITsupport02 น่ะครับ จากนั้นกด OK

     จากนั้นเราจะสามารถเลือก Options อื่นๆได้แล้ว
    • Type เลือกว่าจะ Allow หรือ Deny
    • Applies to เลือกว่าจะ Apply เฉพาะ 
      • This folder only โฟลเดอร์นี้เท่านั้น
      • This folder, subfolders and files โฟลเดอร์นี้และโฟลเดอร์ลูก รวมถึงไฟล์
      • This folder and subfolders โฟลเดอร์นี้และโฟลเดอร์ลูก
      • This folder and files โฟลเดอร์นี้และไฟล์
      • Subfolders and files only โฟลเดอร์ลูก รวมถึงไฟล์ เท่านั้น
      • Subfolders only โฟลเดอร์ลูก เท่านั้น
      • Files only ไฟล์ เท่านั้น
     จะเห็นได้ว่ามี ACE ใหม่เพิ่มเข้ามาใน ACL ลองดูสิทธิของ ITsupport02 ตรง Inherited form (รับสืบทอดมาจาก) ของ จะเขียนว่า None เพราะว่าเราไม่ได้ Set ให้ Account ITsupport02 เพราะว่าเราไม่ต้องการให้สืบทอดสิทธินี้ลงไปยัง SubFolder ครับ (โฟลเดอร์ลูก) กด OK เพื่อปิดหน้าต่างนี้

     ถ้าสังเกตุดีๆจะมี Account ของ ITsupport02 เพิ่มเข้ามาในส่วนของ Folder Permission ด้วยน่ะครับ :)

Configure Access-Based Enumeration (ABE)
ABE ถูกนำมาใช้ครั้งแรกใน Windows Server 2003 R2 เป็นหนึ่งใน Feature ของ DFS โดยทำหน้าที่แสดงเฉพาะ Files และ Folder ที่ User มีสิทธิในการเข้าถึง, ถ้า user ไม่มีสิทธิเข้าถึง Files และ Folder ตัว Windows จะซ่อน Files และ Folder จากมุมองของ DFS, จะถูก Set ไว้ให้ Disable โดยดีฟอลต์,

ในการตั้งค่าเปิดใช้งาน
     เข้าที่ Server Manager --> File and Storage Services --> Shares จากนั้นคลิกขวาที่ Shares ที่ต้องการตั้งค่าแล้วเลือก Properties


     เลือกที่ Tab ที่ Setting จากนั้น Check box ที่ช่อง Enable access-based enumeration จากนั้นให้กด OK เพื่อออกจากหน้านี้ หลังจากนั้นเราก็ได้จะได้ Share Folder พร้อมกับ ABE setting.

Configure Volume Shadow Copy Service (VSS)
VSS เป็น Feature ของ Windows Server 2012 ที่จะทำให้คุณสามารถกอบกู้ไฟล์ของเดิมที่อยู่ใน Server ได้, ในกรณีที่ User เผลอลบหรือว่าเขียนทับไฟล์เก่าไป User ยังจะสามารถเข้าถึงไฟล์สำเนาได้ ข้อแม้เพียงอย่างเดียวของ VSS คือ ต้องติดตั้งลงไปทั้ง Volume ไม่สามารถที่จะระบุลงไปเฉพาะ Files หรือ Folder ได้
     เปิด Windows Explorer ขึ้นมา จากนั้นให้ คลิกขวา ที่ Volume ที่เราต้องการจะทำ Volume Shadow Copy Service (VSS) แล้วเลือก Configure Shadow Copies

     หน้าต่างของ Shadow Copies จะแสดงขึ้นมา โดยปกติถ้าไม่มีการแก้ไข Setting
    • ระบบจะทำการเก็บไฟล์ Shadows Copies ไว้ที่ Volume เดียวกัน
    • ระบบจะจองเนื้อที่ไว้อย่างน้อย 300Mb สำหรับ Shadows Copies
    • ระบบจะทำการสำรองข้อมูลในเวลา 7 โมงเช้าถึง เที่ยงคืน ในวันทำงาน (จ-ศ)
     แต่ถ้าเราอยากแก้ไขเราสามารถทำได้โดยการคลิก Setting แล้วจะพบกับหน้าต่างที่ข้างบนนี้เพื่อทำการแก้ไขให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการ

     จากนั้นเลือก Volume แล้วกด Enable, Pupup ที่แสดงอยู่บนนี้คือการบอกว่าเราไม่ได้ ปรับแต่ง Schedule แต่ว่าเราสามารถกลับมาแก้ไขทีหลังได้ตอบ Yes ไป

     หน้าตาจะเปลี่ยนไปหลังจากที่เรา Enable Shadows Copies แล้ว โดยจากภาพด้านบนจะเห็นว่า ใช้เนื้อที่ไป 320Mb 

Configure NTFS Quotas
การจำกัดเนื้อที่การใช้งานของ User เป็นสิ่งที่ Admin เกือบทุกคนต้องเคยเจอมาก่อนเพื่อไม่ให้ User เก็บ MP3 ไว้ที่ Share Drive อันนี้คือสิ่งที่เจอประจำ

NTFS Quotas คือสิ่งที่ Windows Server 2012 ติดมาให้เพื่อควบคุมตรงนี้แถมยังมี Feature ส่ง Email เตือนเมื่อ User ใช้ Quotas เกือบจะถึงลิมิต หรือว่า เลยลิมิตไปแล้ว, สามารถสร้างรายงาน และ ยังเข้าไปดูใน Events Log ได้อีกด้วย

     ในการเปิดใช้งาน NTFS Quotas ให้เราเปิด Windows Explorer ขึ้นมา จากนั้นเลือกที่ Volume ที่เราจะทำโดยคลิกขวาแล้วเลือก Properties

     ที่ Volume Properties ให้เราเลือก Tab Quota โดยจะมีหน้าตาตามรูปด้านบน

     โดย Check box ที่ Enable quota management จะเป็นการเปิดใข้งาน และเราจะต้อง Setting อะไรนิดหน่อย เช่น
    • Deny disk space to users exceeding quota limit จะเป็นการไม่ยอมให้ User ใช้งานเกินลิมิต
    • Limit disk space to ให้ใส่ขนาดเนื้อที่ ที่เราจะจำกัด ในภาพผมใส่ 1GB
    • Set warning level to ให้ใส่ขนาดเมื่อ User ใช้ถึงจะมีการเตือนว่าใกล้จะเต็ม
    • Log event when a user exceeds their quota limit ให้สร้าง Log เมื่อ User ใช้เกินลิมิต
    • Log event when a user exceeds their warning limit ให้สร้าง Log เมื่อ User ใช้เกินขนาดที่ตั้งค่า Warning ไว้ 
     จากนั้นกด OK

     จะมี Popup แจ้งเตือนว่า จะต้องมีการ Rescan เพื่ออัพเดทการใช้เนื้อที่ที่มีอยู่ ตอบ OK ก็เสร็จแล้วครับ

เป็นไงบ้างครับสำหรับหัวข้อ Configure server roles and features อันนี้เพิ่ง Part 1 น่ะครับ T_T เยอะจริงๆ เลย แต่ถ้ามีอะไรก็สอบถามมาได้น่ะครับ Post เอาไว้แล้วจะมาตอบ

ภัทร์